Friday, April 26, 2013

ประสบการณ์การขอ Marriage License and Wedding Ceremony ในวันเดียวกันของ Yanisa Pickford


Yanisa Pickford created a doc.


ประสบการณ์การขอ Marriage License and Wedding Ceremony ในวันเดียวกันของ Yanisa Pickford

เริ่มจากแฟนเล็กโทรไปที่ Ernest J.Dronenburg, Jr.  County of San Diego.  Location: San Marcros เพื่อสอบถามข้อมูลก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนค่ะ  และได้ขอนัดเพื่อขอ Marriage License and Wedding Ceremony on Friday  April 26, 2013 10.30 am.


26 มิถุนายน 2013
เดินทางไปถึงสำนักงาน กรอกฟอร์มเพื่อขอ Marriage License หลังจากนั้นนั่งรอเพื่อเรียกชื่อเพราะเรานัดไว้แล้ว เวลานัดเราคือ 10.30 น. ถึงเวลาเจ้าหน้าที่เรียกชื่อเราไปที่เคาน์เตอร์หมายเลข 7 เพื่อตรวจเช็คเอกสาร เอกสารที่เจ้าหน้าที่เรียกจากเล็ก มีแค่พาสปอร์ตอย่างเดียวค่ะ ของแฟนเล็กก้อใช้แค่ ใบขับขี่ เจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูลนิดหน่อย แล้วให้เราเช็คว่าข้อมูลที่เจ้าหน้าที่พิมพ์นั้นถูกต้อง มีเอกสารให้เราอ่าน และเซ็นต์ชื่อรับทราบว่าเราอ่านเอกสารนั้นแล้ว หลังจากนั้นแฟนเล็กเซ็นต์เช๊ค จ่ายค่าธรรมเนียม
 Fee
$70 Marriage License
$88 Wedding Ceremony
$14 Marriage Certificate Mail ส่งเอกสารไปให้ที่บ้านค่ะ

รวมแล้ว $172

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ให้สำเนา License and Certificate of Marriage และถามว่าต้องการจัดพิธีในห้องหรือกลางแจ้ง เราขอจัดพิธีในห้องค่ะ หลังจากนั้นนั่งรอเรียกชื่อเราสองคนเพื่อไปทำพิธีอีกห้องหนึ่งค่ะ อ่านคำปฏิญาณ แลกแหวน เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวเป็นอันจบพิธี ประมาณ 10-15 นาทีเองค่ะ

หลังจากนี้รอรับเอกสารที่บ้าน

Friday, April 12, 2013

ประสบการณ์จดทะเบียนสมรสที่อเมริกาของ นีน่า on Apr12,2013

 ประสบการณ์จดทะเบียนสมรสที่อเมริกาของ นีน่า on Apr12,2013


ประสบการณ์จดทะเบียนสมรสที่อเมริกาของ นีน่า on Apr12,2013


นีน่าขอเล่าประสบการณ์จดทะเบียนสมรสที่อเมริกาที่รัฐจอร์เจีย ให้พี่ๆน้องๆเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับรุ่นน้องที่จะเดินทางมาอาศัยอยู่ที่รัฐจอร์เจียเหมือนกันนะคะ  นีน่าเดินทางมาอเมริกาด้วยวีซ่าคู่หมั้น K1 มาถึงรัฐจอร์เจียวันที่ 16/Mar/2013 นีน่าไปดำเนินการจดทะเบียนสมรสก่อนที่จะไปขอ บัตร SSN ค่ะ เพราะจะได้บัตร SSN เป็นนามสกุลของสามีเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปเปลี่ยนนามสกุลในบัตร SSN ภายหลังค่ะ  แต่ก็แล้วแต่บางคนก็ไปทำบัตร SSN ก่อนจดทะเบียนสมรสก็ได้ค่ะ(แต่ก็จะได้เป็นนามสกุลเดิมของเรา)  ต่อไปเป็นขั้นตอนจดทะเบียนสมรส.
  1. เราต้องไปขอใบอนุญาติแต่งงาน(Marriage License) ที่สำนักงาน County ใกล้บ้านที่เราอยู่ค่ะ  นีน่ากับแฟนไปขอที่ North  Fulton County ในวันที่ 26/Mar/2013 ที่นี่ใช้เฉพาะ Passportของเราและแฟนค่ะ ไม่ได้ขอหมายเลข SSN ของเรา ( แต่บาง County เจ้าหน้าที่ต้องการหมายเลข SSN ด้วย บางคนก็ต้องไปทำบัตร SSN ก่อน ยังไงก็ต้องโทร.ไปถามเจ้าหน้าที่ที่ County ใกล้บ้านของเราก่อนไปทำนะคะ จะได้ไม่เสียเวลา) พอไปถึงเจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวลงในแบบฟอร์มยื่นขอ Marriage License แล้วก็ชำระค่าธรรมเนียม 56$ เท่านี้ก็ได้รับใบ Marriage License มาแล้วค่ะใช้เวลาแค่ 10-15 นาที. ใบ Marriage License มีอายุ 30 วัน เราต้องไปจดทะเบียนสมรสภายใน 30 วันหลังจากที่ได้รับใบนี้ค่ะ.
  2. จากนั้นเราต้องไปติดต่อหาผู้พิพากษา(Judge) หรือ บาทหลวง ผู้มีอำนาจเซ็นต์รับรองในใบ Marriage License ที่เราได้รับมา  ซึ่งบางคนต้องจ่ายค่าดำเนินการให้ผู้พิพากษา หรือบาทหลวงที่มาเซ็นต์รับรองให้เรา ประมาณ 100$ แต่ของนีน่าไปจดทะเบียนที่ Courthouse เขามีผู้พิพากษาดำเนินการให้เราโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ ที่นี่ดีนะคะ(^_^) นีน่าและแฟนไปจดทะเบียนสมรส (Marriage Certificate) ที่ LEWIS  R. SLATON  COURTHOUSE ที่อยู่ในตัวเมืองแอตแลนต้า,รัฐจอร์เจีย ในวันที่ 12/Apr/2013 ซึ่งที่นี่จะมีผู้พิพากษา(Judge) เป็นผู้ทำพิธีสาบานตนให้เราและเซ็นต์รับรองเพื่อออกใบทะเบียนสมรส Marriage Certificate ให้เรา เจ้าหน้าที่ที่นี่จะมีการจัดดำเนินการจดทะเบียนสมรสให้ทุกวันศุกร์ในแต่ละสัปดาห์(ควรโทร.ไปสอบถามก่อน)  พิธีจดทะเบียนสมรสเริ่มเวลา 14:30 น. และไม่ต้องมีพยานไปก็ได้ค่ะ(บางที่ต้องมีพยาน 2 คนไปกับเราด้วย) แต่ที่นี่เจ้าหน้าที่เขาเป็นพยานให้เราเลยค่ะ  ดีจริงๆ :)  ขั้นตอนก็ไม่ยากค่ะ. เตรียมแค่ใบ Marriage License ที่เราได้มาก็เอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่แล้วเข้าไปนั่งรอตามลำดับคิวในห้องทำพิธี(ห้องใหญ่ดูดีมากเลยค่ะ) วันนั้นมีคู่แต่งงานมาจดทะเบียนสมรสเยอะเลยประมาณ 20 กว่าคู่  การแต่งกายก็แล้วแต่เราบางคู่ก็ใส่ชุดแต่งงานใส่สูทไป  แต่บางคนเขาก็แต่งกายชุดลำลองไปก็ได้เจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับค่ะ และเจ้าสาวจะเตรียมช่อดอกไม้ไปด้วยหรือไม่ก็ได้แล้วแต่จ๊ะ  นีน่าเตรียมไปเองด้วยเพื่อถ่ายรูปจะได้ดูสวยหน่อยเน๊าะ  อิอิ(^_^) พอท่านผู้พิพากษาเข้ามาในห้องพิธี  ก็จะเริ่มพิธีสาบานตน  ท่านก็จะเรียกชื่อแต่ละคู่ที่เราลงทะเบียนไว้ตามลำดับให้เดินออกไปทีละคู่  ท่านจะถามคู่บ่าวสาวว่า คุณจะรับ Mr.xxx เป็นสามีและจะรักกันตลอดไปไหม  เราก็ตอบว่า I  Do เท่านี้ค่ะ ท่านถามเราและแฟนสั้นๆ  จากนั้นก็เสร็จพิธี  และรอรับใบทะเบียนสมรส(Marriage Certificate) จะส่งไปให้เราที่บ้าน หลังจากนี้ประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ. ## P.S.  คู่ของนีน่าจัดงานแต่งงานที่ไทยก่อนเดินทางมาอเมริกา  ก็เลยไม่ได้จัดงานแต่งงานที่อเมริกาอีกค่ะ แค่ไปจดทะเบียนสมรสกันที่นี่ ซึ่งเราจะจัดงานแต่งงานที่นี่หรือไม่จัดก็ได้ค่ะ แล้วแต่เรา ##
  3. จากนี้เมื่อนีน่าได้รับ Marriage Certificate แล้วก็จะนำไปขอบัตร SSN และยื่นปรับสถานะ(ขอกรีนการ์ด) ต่อไปจ้าา (^_^)//


Wednesday, February 20, 2013

การขอ Marriage License @St. Charles County, Missouri ด้วย K-1 Visa by Amy


Amy Kanchaya edited a doc.

การขอ MARRIAGE LICENSE @ST. CHARLES COUNTY, MISSOURI ด้วย K-1 VISA BY AMY

หลังจากมาถึงเมกาได้ 1 เดือน 29 วัน (พรุ่งนี้ก็ 2 เดือนแล้วไวจัง) พักผ่อนหย่อนใจจนหายเหนื่อยก็ได้ฤกษ์ไปที่ St. Charles County, Missouri กับคุณเกร๊กติดต่อจนท.ขอใบ Marriage licence

กรอกแบบฟอร์ม Recorder's information form marriage license applicants เซ็นชื่อทั้งเอและคุณเกร๊ก ระหว่างที่นั่งรอมีจนท.มาขอ
1.                   พาสปอร์ต SSN ของเอและของคุณเกร๊ก 
2.                   Driver license ของคุณเกร๊กไปถ่ายสำเนา
นั่งรอประมาณ 10 นาที เพราะมีคนมาขอ marriage license ก่อนหน้า จากนั้นก็ถึงคิวเอ ยื่นแบบฟอร์มที่กรอกแล้ว พร้อมพาสปอร์ต SSN ของเอและของคุณเกร๊ก Driver license ของคุณเกร๊ก (ตัวจริงทั้งหมด) และสำเนาให้แก่จนท. ใจดีมากกกค่ะ จากนั้นจนท.ก็คืนทุกสิ่งอย่างคืนให้ ใช้แต่สำเนาอย่างเดียว เสร็จแล้วก็จ่ายเงิน $48 ค่า marriage license และ $9.50 ค่า certified copy of marriage certificate (จนท.จะส่งไปรษณีย์ตัว certified copy of marriage certificate มาให้ที่บ้าน หลังจากคนทำพิธีแต่งงานเซ็นชื่อและส่งใบ marriage license กลับไปที่ St. Charles county) ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต $1.47 รวมทั้งหมด $58.50 ที่นี่เค้ารับทั้งเงินสด และบัตรเครดิตและบัตรเดบิตค่ะ (มีค่าธรรมเนียมบัตรฯ) ควรจ่ายเป็นเงินสดดีกว่าค่ะ จะได้ไม่โดนจ่ายค่าธรรมเนียมบัตรฯเหมือนเอ (แอบงก) สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ marriage license ที่ต้องให้คนทำพิธีแต่งงานเซ็นชื่อมีอายุ 30 วัน (ถ้าหมดอายุก่อนแต่งงานก็ต้องไปที่ County อีกครั้งเสียเงินอีกครั้ง) ใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็เสร็จค่ะ เหลือพิธีแต่งงานวันที่ 9 มี.ค. ที่จะถึงนี้ค่ะ

ใครที่มาถึงเมกาก็รีบไปดำเนินการแต่งงานนะคะ ไม่ต้องรอฤกษ์นานเหมือนเอ (ช้าตรงที่รอฤกษ์ทำพิธีแต่งงานนี่แหล่ะค่ะ ไม่งั้นยื่นปรับสถานะไปนานแล้ว =_=!)


  

Friday, October 7, 2011

แต่งงาน K1-2011 ส้ม Oct07,2011 @Hawaii


  • Som Peppers แต่งงาน K1-2011 ส้ม Oct07,2011 @Hawaii


สวัสดีค่ะ

มาแชร์ประสบการณ์แต่งงานที่รัฐจอร์เจียค่ะ

เมื่อวันศุกร์ที่เจ็ด ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ไปแต่งงานที่ court - Columbia county ค่ะ เอกสารที่ต้องนำไปก็มี passport และใบขับขี่สากล ที่ต้องใช้เพราะมันมีรูปเราค่ะ เขาต้องการเอกสารยืนยันว่าเป็นตัวเรา คือเอกสารที่มีรูปเราด้วย สองฉบับเป็นตัวจริงไปแสดง จากนั้นก็แค่กรอกเอกสาร application ใส่นามสกุลที่เราต้องการใช้หลังแต่งงานไป (ส้มเอานามสกุลเดิมเป็นชื่อกลางด้วยค่ะ จะได้เป็นประโยชน์กับการทำเอกสารในอนาคต) จ่ายค่าธรรมเนียมหกสิบเหรียญมั้งถ้าจำไม่ผิด จากนั้นจะได้ marriage license มาค่ะ สามฉบับ เราต้องเอาไปให้เจ้าหน้าที่ศาลที่ทำการแต่งงานให้เราเซ็นค่ะ จากนั้นเราก็เอาเอกสารที่เขาเซ้นไปแลกเป็นใบทะเบียนสมรสได้เลย

ตอนแต่งงานก็โทรมานัดก่อนค่ะ ที่นี่เขาไม่ได้แต่งในศาลค่ะ แต่แต่งที่ศาลาริมน้ำที่เขาเรียกว่า gazebo ออกเสียงว่า กา ซี้ โบ ค่ะ 555 เขานัดให้ไปทำพิธีตอนห้าโมงเย็นค่ะ คงเป็นช่วงแดดร่มลมตก พอเดินไปก็เห็นละ ศาลาสีขาวๆ สวยมาก แถมมีวิวริมน้ำด้วย อยู่ๆก็มีงานแต่งงานที่แบบ เป็น outdoor โดยไม่ได้ตั้งใจ น่ารักมากค่ะ 

พอถึงพิธี ผู้พิพากษาก็เดินมา มีคนมาทำพิธีวันนี้ สามคู่ มีส้มแต่งชุดเหมือนเจ้าสาวที่สุด ชุดสีขาวเอามาจากไทยค่ะ อีกคนก็เหมือนชุดราตรี อีกคนมาแบบเสื้อยืดกางเกงยีนส์เลย อิอิ พอผู้พิพากษามา ก็เก็บค่าธรรมเนียมอีก ห้าสิบห้าเหรียญ จากนั้นให้เราหันหน้าหาแฟน และเขาก็จะกล่าวคำสัตย์ว่าเราจะรักกันดูแลกันตลอดไปแบบนี้อ่ะค่ะ เราก็แค่บอกว่า I do ทีนี้แฟนส้มบอกว่าเรามีแหวนกันมาด้วย ผู้พิพากษาบอกว่า โอเคจะเอาพาร์ทนั้นด้วยก็ได้ แต่คือต้องพูดตาม เอาละสิ พอแฟนพูดเสร็จสวมแหวนให้เรา เราก็ต้องพูดบ้าง โหไปไม่ถูกเลยค่ะ มันเป็น old English ด้วย แบบพูดตามไปแบบไม่รู้เลยว่าเราพูดไรออกไป ห้าห้า พอไปหาอ่าน บทพูดมีประมาณนี้ค่ะ

"With this ring I thee wed, and all my worldly goods I thee endow. In sickness and in health, in poverty or in wealth, 'til death do us part." 

จากนั้นเขาก็บอกว่า now you may kiss your bride

แล้วก็จูบกัน อิอิ เป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นก็เอาใบ license ที่เซ็นแล้วไปที่ศาลอีกให้เขาออกใบทะเบียนสมรสให้ค่ะ ส่วนใบ application เขาให้คืนมาเพราะมีชื่อเราที่เราบอกว่าขอเป็นชื่อใหม่ ที่เอานามสกุลเดิมมาเป็นชื่อกลางอ่ะค่ะมาด้วย ไว้เป็นหลักฐานไปทำเอกสารต่างๆ